การ Work from Home นั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับธุรกิจหลายๆธุรกิจเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับบางธุรกิจนั้นการ Work from Home ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไร แต่ในตอนนี้นั้น เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นภาคบังคับ และเป็นวิถีชีวิตการทำงานกระแสหลักของสังคมโลกปัจจุบันไปโดยปริยาย เนื่องจากการ Work from Home (WFH) คือหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ลดการสัมผัสและสกัดกั้นยับยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19
แต่การ Work from Home ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายและดีไปทั้งหมด เพราะการ Work from Home อาจจะทำให้พนักงานบางคนรู้สึกหรือทำตัวสบายเกินไป จนอาจจะลืมหน้าที่ของตัวเองไป เราจึงมีบทความ กฎเหล็ก 6 ข้อ ห้ามทำเมื่อต้อง Work from Home
1. Working in pajamas ใส่ชุดนอนทำงาน ชุดนอนอาจจะเป็นชุดที่สวมใส่สบาย เหมาะกับการอยู่บ้าน แต่เมื่อต้องทำงาน การสวมใส่ชุดทำงานที่เหมาะสมประหนึ่งว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศตามปกติจะดีกว่า เพราะเป็นการเตือนร่างกายและเตือนตัวเองให้เข้าสู่ ‘Work Mode’ และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ โดยงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นพบว่า ลูกจ้างไม่ว่าสาขาอาชีพใดมักจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเมื่อได้สวมใส่ชุดทำงานที่สื่อถึงความหมายของอาชีพตน ยิ่งไปกว่านั้น การอยู่ในชุดทำงานทำให้พร้อมอยู่เสมอหากต้องมีเหตุเร่งด่วนให้ต้องก้าวออกจากบ้าน
2. Working from the bed or couch ทำงานบนเตียงหรือโซฟา บางคนอาจเป็นข้อยกเว้นที่สามารถทำงานได้ดีขณะนั่งบนโซฟาหรือเอนหลังอยู่บนเตียง แต่ว่าคนส่วนใหญ่มักทำไม่ได้ ดังนั้น การมีพื้นที่สำหรับนั่งโต๊ะทำงานที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการ WFH ซึ่งในช่วงแรกอาจจะต้องลองผิดลองถูก เพื่อหามุมในบ้านหรือลักษณะการจัดวางตำแหน่งสิ่งของบนโต๊ะทำงานที่บ้านให้ถูกจริตการทำงานของตนเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจให้ดีก็คือ ‘ไม่มีโซนผ่อนคลายบนโต๊ะทำงาน’ (No Relaxation Zone)
ขณะเดียวกัน หากมีแนวโน้มว่าจะต้อง Work from Home ไปอีกนาน หรือการทำงานจากที่บ้านจะกลายเป็นกิจวัตร การลงทุนในโต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ทำงาน รวมถึงไฟและอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็นที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน
3. Going dark อย่าเงียบหาย อาจไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นทักทาย หรือส่งข้อความหากันขณะทำงานจากบ้านอยู่ตลอดเวลา แต่ให้กำหนดเป็นกิจวัตรที่จะมีการพูดคุยรายงานตัวหรือบอกเล่าความคืบหน้าของตนให้กับสมาชิกในทีมได้รับทราบ ตอบกลับอีเมลบ้างตามความเหมาะสม ทำให้เป็นเสมือนการทักทายอัปเดตความเคลื่อนไหว แทนที่จะเป็นการนัดประชุมอย่างเป็นทางการ เพราะจะช่วยรักษาสายสัมพันธ์ทางไกลได้ยั่งยืนกว่า
4. Neglecting health ละเลยสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญ WFH ระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่คนมักจะเคลื่อนไหวน้อยลงเมื่อไม่ได้ทำงานที่ออฟฟิศ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินเข้าห้องประชุม ไม่ต้องเดินไปมุมกาแฟ ยืนคุยกับเพื่อนร่วมงาน หรือมีทางเดินยาวๆ สำหรับการไปถ่ายเอกสารหรือเข้าห้องน้ำ ดังนั้น การทำงานจากที่บ้านที่ทำให้นั่งได้นานกว่าไม่ได้ขยับไปไหนนานๆ ทำให้มีอาการออฟฟิศซินโดรมได้ง่ายกว่า จึงอยากแนะนำว่า ต่อให้ทำงานจากที่บ้าน ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ตั้งเวลาพักเบรกให้ตนเองบ้าง หรือถ้ายุ่งจนแทบไม่มีเวลาออกกำลังกาย อย่างน้อยก็หาเวลาลากตัวเองออกไปเดินรอบๆ บ้าน รอบๆ ห้องให้จงได้
5. Not creating structure and boundaries ไม่วางขอบเขตหรือโครงสร้างการทำงานให้ชัดเจน พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ไม่วางตารางการทำงานในแต่ละวัน เพราะว่าการทำงานจากที่บ้านเป็นเรื่องง่ายมากที่จะโดนรบกวนหรือโดนกวนสมาธิ เพราะโอกาสในการพบปะผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานจะมีมากกว่าการทำงานในออฟฟิศ
และสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเลยก็คือการกำหนดตารางการทำงานที่ตนเองต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดจริงจังเพื่อให้การทำงานลื่นไหลไม่มีสะดุด และการกำหนดตารางงานที่ง่ายที่สุดก็คือการทำลิสต์รายการต้องทำ หรือ To-do List ในแต่ละวันออกมา ซึ่งระบุทั้งงานที่เป็นกิจวัตรประจำวันและงานที่ได้รับมอบหมายมาว่าต้องทำให้เสร็จ